การขายของออนไลน์ก็เหมือนกันขายของออนไลน์ไม่ได้ต่างกันมากคุณต้องทำการตลาดและเข้าใจลูกค้าไม่อย่างนั้นแล้วไม่ว่าคุณจะขายอะไรคุณก็ขายไม่ได้ ประสบการณ์การขายออนไลน์จาก 0 ถึงล้านภายใน 1 ปี ผมตัวเองจากความคิดของผมเองครับผมจะเล่าไปเรื่อยๆโดยไม่มีหัวข้ออะไรมากมายถ้าชอบก็ติดตามอ่านกันได้เลย
ในยุคที่ตลาดไม่ใช่การแข่งขันเล่นๆ อีกต่อไป
มีหลายคนเข้ามาถามผมครับว่าการลงทุนขายของออนไลน์นะลงทุนเยอะหรือไม่ จึงทำมาก่อนนะผมจะบอกว่าไม่เยอะครับผมเพียงแค่คุณมีเงินสัก 1,000 บาทคุณก็สามารถที่จะเข้ามาขายของออนไลน์ได้แล้ว แต่ในสมัยนี้นั่นมันไม่ใช่ครับผมถ้าคุณไม่มีความสามารถที่เพียงพอในการทำเว็บไซต์ที่จะให้คนเข้ามาอ่านข้อมูลของคุณ ผมว่าไม่มีทางเลยครับที่คุณจะมีเงิน 1000 บาทก็สามารถที่จะขายของออนไลน์ได้ คุณลองคิดดีๆครับผมถ้าคุณลงโฆษณาอย่างน้อยคุณก็ต้องมีงบวันละ 300 บาท ผมมองว่าอย่างต่ำในปัจจุบันนะครับผมแล้วถ้าคุณลองเทียบดูว่าถ้าคุณไปขายของในตลาดนัดคุณมีค่าเช่าแพงแค่วันละ 100 บาทเท่านั้นเอง คุณอาจจะขายได้กำไรวันละพันก็ได้ ผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพเพื่อที่จะได้เปรียบเทียบกันระหว่างการขายของออนไลน์นั้นไม่ใช่ตลาดการแข่งขันเล่นอีกต่อไป เป็นตลาดที่ลงทุนสูงด้วยซ้ำไป
ย่อหน้าก่อนนั้นผมได้พูดถึงเกี่ยวกับการทำเว็บไซต์หรือการทำ seo ถ้าคุณมีความสามารถด้านนี้อยู่แล้วคุณอาจจะลดต้นทุนในการทำการตลาดได้ไปเยอะเลยทีเดียว ผมเองก็ทำได้นี่มาก่อนครับซึ่งเมื่อก่อนนั้นการแข่งขันไม่ได้ยากเหมือนทุกวันนี้ซึ่งอัลกอริทึมต่างๆของ Google ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถ้าเราไม่อัพเดทหรือหาข้อมูลใหม่ๆก็ไม่สามารถที่จะทำอันดับให้เว็บไซต์เราติดอันดับต้นได้ แต่จากประสบการณ์ของผมการทำวิธีนี้นั้นก็ลงทุนไม่น้อยไปกว่าการลงโฆษณา สิ่งที่เราลงทุนกับวิธีนี้มากที่สุดก็คือเวลาที่เราเสียไปนั่นเอง ถ้าคุณทำธุรกิจคุณไม่มีวันที่จะมารอได้ว่า seo หรืออันดับเว็บไซต์ของคุณจะขึ้นวันไหน เพราะสิ่งเหล่านี้มันไม่สามารถที่จะคาดเดาได้เลย
การแข่งขันเยอะแต่เราก็ยังมีช่องทาง
สำหรับผมนั้นผมต้องบอกว่า ผมเริ่มต้นจาก 1,000 บาท เพราะจากที่เงินทุนน้อยนี่แหละทำให้ผมคิดมากว่าจะลงทุนอย่างไรกับเงิน 1000 บาทของผมดี ผมเริ่มต้นจากการรับตกแต่งรูปภาพจากเว็บไซต์ ซึ่งเราก็สามารถที่จะไปลงทะเบียนกับเว็บไซต์นั้นได้เลย เราสามารถที่จะเขียนความสามารถของเราลงไปเพื่อที่จะให้ลูกค้ามาจ้างเราได้ เงิน 1000 บาทที่ผมมีลงทุนกับโปรแกรม Photoshop เพื่อนำมาตกแต่งรูปให้ลูกค้านั่นแหละครับ ถ้าคุณมีเงินทุนที่น้อย คุณจะต้องมีความสามารถด้วยที่จะสร้างมูลค่าให้กับมัน สำหรับการเริ่มต้นขายของออนไลน์นั้นผมมองว่าไม่จำเป็นต้องขายของที่เป็นสินค้าจับต้องได้คุณอาจจะขายวิธีความคิด ขายหนังสือ ขายความสามารถ ผมมองว่ามันเป็นวิธีการเริ่มต้นที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้
ค่อยๆเก็บประสบการณ์แล้วค่อยๆลงทุนเพิ่มเติม
สำหรับคนที่เงินทุนน้อยอย่างผมนั้นสิ่งที่ทำได้นั่นก็คือค่อยๆเก็บประสบการณ์ไป แล้วค่อยๆสะสมเงินลงทุนไปด้วย ผมมองว่าการที่ผมมีเงินทุนน้อยนั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่ได้กลับมานั่นคือทำให้ผมระมัดระวังในการใช้เงินในการลงทุนมากกว่าคนอื่น แล้วจะใช้แรงในการแลกเพื่อที่จะให้ได้เงินเข้ามา
หลังจากที่ผมรับตกแต่งภาพใน Photoshop แล้วผมก็ได้เงินมาประมาณ 10,000 บาท ซึ่งถือว่ามากเลยทีเดียวที่ผมจะลงทุนต่อได้ ผมจะนำเงินที่ได้นั้นไปเช่า Host ไปทำเว็บไซต์หมดไปประมาณ 1000 บาท แล้วจดโดเมนเพื่อทำให้ใส่อีกประมาณ 400 บาท ด้วยความที่ผมมีประสบการณ์ในการทำการตลาดมาบ้างแล้วซึ่งผมเคยทำงานด้านการตลาดให้กับบริษัทมาก่อน ผมจะมีแนวคิดว่าถ้าเราเขียนหนังสือเกี่ยวกับการตลาดเพื่อแนะนำให้กับคนที่ขายของออนไลน์ น่าจะทำให้เรามีรายได้มากขึ้นหลังจากนั้นจึงทำเว็บไซต์ขายหนังสือขึ้นมาครับ
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมมีคนรู้จักมากขึ้นในกลุ่มเล็กๆ ถึงวันดีครับผมผมบอกว่า Connection ต่างๆนั้นสามารถทำให้ผมเปลี่ยนผ่านจากคนธรรมดา เงินทุนไม่เยอะสามารถที่จะหา Partner ต่างๆมาลงทุนเพื่อที่จะทำสิ่งต่างๆมากขึ้น
เริ่มหา Partner ในการทำเว็บไซต์
หนังสือของผมไม่ได้ขายดีมากแต่สิ่งที่ผมได้กลับมานั่นก็คือเพื่อนๆที่รู้จักผมมากขึ้นและชอบการตลาดไปทางเดียวกัน ซึ่งสิ่งที่พวกเขามีแล้วก็คือเงินทุน แต่สิ่งที่ผมมีแล้วก็คือแนวความคิดที่จะทำอะไรหลายๆอย่าง หลังจากที่เราได้พูดคุยกันทาง facebook มาเรื่อยๆก็ทำให้เรารู้ว่าเราควรที่จะลงทุนอะไรสักอย่างเพื่อที่จะให้มีรายได้เข้ามาโดยที่เพื่อนของผมนั้นจะลงทุนด้านการเงินส่วนของผมนั้นจะลงทุนด้านแรงนั่นเองซึ่งรายได้และกำไรที่ได้มานั้นก็จะแบ่งกัน 50 ต่อ 50
หลังจากที่เราได้พูดคุยกันแล้วจึงได้ลงทุนในการทำเว็บไซต์เกม ซึ่งในตอนนั้นเว็บเกมนั้นได้รับความนิยมอย่างมากมายเลยซึ่งมีคนมาบริการมากพอสมควรที่จะสร้างรายได้ได้
เริ่มต้นเลยสิ่งที่เราไม่มีแล้วก็คือเวลาที่มากพอที่จะทำมันเพราะว่าเว็บไซต์เกมนั้นจะต้องอาศัยเวลาและโปรแกรมเมอร์ในการเขียนเกมขึ้นมาเราได้ปรึกษากันและก็ได้จ้างโปรแกรมเมอร์และนักดูแลเว็บไซต์ก็มาดูแลให้เราซึ่งผมเองไม่สามารถที่จะดูแลได้ทั้งหมดเพียงแต่ควบคุมให้เป็นไปตามที่เราต้องการเท่านั้น
ในช่วงแรกที่ทำเว็บไซด์เกมนั้นไม่มีรายได้เข้ามาเลยครับบอกเลยว่า 3 เดือนแรกนั้นเป็นอะไรที่โหดมากๆเป็นการลงทุนที่ยังไม่ได้อะไรมาเลยและมีการขาดทุนไปด้วยซ้ำ เพราะเราจ่ายค่าลูกน้อง ค่าโปรแกรมเมอร์ต่างๆซึ่งรวมแล้วก็เกือบเดือนละแสนเลยก็ว่าได้เพราะตอนนั้นเราจ้างโปรแกรมเมอร์จบใหม่ด้วยเงินเดือนเลยไม่ได้สูงมากมายครับ
เว็บไซต์เริ่มทำรายได้ให้
หลังจากที่เราทำเว็บไซต์มานานพอสมควรประมาณ 4-5 เดือนได้ไม่มีรายได้เข้ามาเลยแต่ในเดือนที่ 6 นี้รายได้เข้ามาครับซึ่งรายได้นั้นก็จะเป็นโฆษณาจาก Google adsense ซึ่งเป็นบริการของ Google นั่นเอง ที่เราสามารถจะนำโฆษณาต่างๆมาติดที่เว็บไซต์เราได้ถ้ามีคนเข้ามาที่เว็บไซต์เราหรือคลิกที่โฆษณาก็ จะทำรายได้ให้กับเราซึ่งในตอนนั้นถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเลยเพราะว่าเราขาดทุนมาประมาณ 4-5 เดือน ถึงเพื่อนกับผมแล้วก็คุยกันว่าถ้าเป็นเดือนที่ 10 แล้วถ้าไม่เวิร์คเราก็น่าจะเลิกได้แล้ว เพราะเงินทุนเพื่อน้องผมลงไปนั้นเยอะพอสมควร
เหมือนโชคช่วยมือถือกำลังดัง
จะมีช่วงนึงครับที่มือถือกำลังได้รับความนิยมมากๆซึ่งทุกคนต่างใช้มือถือกัน เราก็ไม่ยอมหยุดพัฒนาครับแล้วก็พัฒนาเกมลงมือถือกันซึ่งในช่วง ยังไม่มีใครที่จะพัฒนาเกมลงมือถือเท่าไรซึ่งทำให้เรานั้นเป็นเจ้าได้ง่ายในการพัฒนาเกมลงมือถือสิ่งนี้เองทำให้คนรู้จักเรามากกว่าคนอื่น
เรามีฐานลูกค้าในการเล่นเกม ซึ่งตอนนั้นเราก็สามารถที่จะขายเกมของเราได้เยอะพอสมควรเลยทีเดียวและทำให้รายได้มีมาจนถึงปัจจุบันนี้
กลับมาที่ตัวผม
เป็นประสบการณ์ที่ผมทำมาครับ ผมจะบอกว่าถ้าเรามี Partner ที่ดี จะทำให้ธุรกิจของเรานั้นก้าวหน้าได้เร็วครับแต่ในบางครั้งนั้นผมอาจจะมีปัญหากับ Partner บ้างส่วนมากก็จะเป็นเรื่องรายได้ที่ไม่สามารถที่จะแบ่งกันลงตัวได้หลังจากนั้นปัญหาต่างๆก็เริ่มทวีคูณมากขึ้นผมจึงหยุดการทำธุรกิจกับ Partner และให้ธุรกิจนั้น Partner ดำเนินการต่อส่วนผมนั้นขอถอนหุ้นออกมา และมาขายสินค้าออนไลน์เป็นงานประจำ
แต่ต้องยอมรับนะครับว่าการทำงานกับพาร์ทเนอร์นั้นทำให้ผมมีเงินทุนมากพอสมควรที่จะมาลงทุนอะไรต่างๆ
ลงทุนกับสินค้าสุขภาพ
หลังจากที่ผมไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับเกมแล้วผมจึงคิดว่าผมน่าจะหาอะไรมาขายของออนไลน์สักอย่าง ผมจะบอกว่าเทนสุขภาพกำลังมาจึงได้หาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาสุขภาพมาขายจึงบอกเลยว่าในช่วงแรกนั้นผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลยแล้วก็ศึกษาความรู้ต่างๆจากผู้รู้
ลงทุนครั้งแรกในการทำธุรกิจสุขภาพนั้นใบประมาณ 20,000 บาท ในการขาย ซึ่งการลงทุนตอนนั้นจะเป็นการลงทุนเกี่ยวกับสินค้าประมาณ 15000 บาท นอกจากนั้นจะเป็นการลงทุนเกี่ยวกับการทำเว็บไซต์
ซึ่งถ้าเป็นเพื่อนเห็นตัวเลขว่าการทำเว็บไซต์หมดแค่ 5,000 บาทเอง เพราะว่าผมนั้นลงทุนทำเองทั้งหมดครับเลยทำให้งบต่างๆนะลดลง
หลังจากนั้นผมก็ทำ seo เพื่อให้คนเข้ามายังเว็บไซต์ที่ผมขายของออนไลน์อยู่ จะบอกว่าง่ายก็ง่ายจะบอกว่ายากก็ยากครับผมในช่วงที่ผมทำนั้นกลับกลายเป็นว่าเว็บไซต์ของผมมีอันดับดีที่สุดในช่วงนั้นเลยก็ว่าได้ทำให้คนเข้าเว็บไซต์ประมาณ 1000 คนต่อวัน จุดนี้ล่ะครับผมทำให้ผมสามารถที่จะขายของได้อย่างน้อยวันละ 100 ชิ้น
ด้วยความที่ผมทำเองทั้งหมดทำให้ต้นทุนนั้นน้อยกว่าคนอื่นเขาทำ ถึงบอกเลยว่าถ้าผมจ้างทำ seo นั้นอย่างน้อยก็ต้องหมดประมาณแสนขึ้น แต่พอเราทำเองพักทำให้เราประหยัดงบประมาณในส่วนนี้ลงไปได้และเราไม่ได้มีงบโฆษณาอะไรมากมายแต่เราสามารถขายของให้คนหนึ่งพันคนในแต่ละวันได้
และจุดนี้เองเป็นจุดพลิกผันทำให้ผมมีเงิน 1 ล้านแรกในชีวิตได้ แล้วถ้าผมมองกลับไปนั้นยังมีรายละเอียดมากมายที่ผมไม่ได้เขียนลงในบทความนี้ทำให้ผมมีความภาคภูมิใจอย่างมากมายเลยทีเดียวที่เราสามารถผ่านพ้นมันมาได้ ซึ่งผมบอกเลยว่ามีทั้งน้ำตาและความดีใจผสมปนเปกันไป
สำหรับเพื่อนๆที่หาแนวทางในการหาเงินล้านในการขายของออนไลน์ ทุกวันนี้ไม่ได้ยากเหมือนสมัยก่อนครับเราสามารถที่จะหาเงิน 1 ล้านบาทได้ง่ายๆโดยนำแนวคิดผมไปใช้ได้นะครับ
ถ้าคุณจะหาเงิน 1 ล้านบาทคุณตั้งเป้า 1 ล้านบาทไว้
แล้วหาของที่มาขาย ถ้าคุณไม่อยากจะขายในจำนวนที่เยอะคนขายของชิ้นละ 500,000 บาท คุณขายแค่ 2 ชิ้นก็ได้เงินแล้ว 1 ล้านบาท
แต่ถ้าคุณไม่สามารถที่จะหาของที่มีราคาสูงขนาดนั้นมาขายได้คุณลองลดราคามาเป็นขายของชิ้นละ 50,000 บาท คุณขายแค่ 20 ชิ้นคุณก็จะมีเงิน 1 ล้านบาท
ไม่เป็นไรถ้าคุณยังขายของแพงขนาดนั้นไม่เป็นคุณลองหาของที่ราคาถูกกว่านี้อีกนะขายดูเอาเป็นว่าขายของชิ้นละ 1000 บาทแล้วกัน คุณแค่ขายสินค้าให้หมดใน 1000 ชิ้น คุณก็จะมีเงิน 1 ล้านบาทเช่นเดียวกัน
ผมมีแนวคิดอย่างนี้จริงๆครับจึงสำคัญคือคุณสามารถที่จะหาของราคาแพงขนาดนั้นมาขายให้ลูกค้าได้อย่างไร แล้วคุณจะทำอย่างไรให้ของราคาแพงขนาดนั้นลูกค้ากล้าตัดสินใจซื้อ ทุกอย่างนั้นมันเกิดจากประสบการณ์ที่คุณสะสมมาในเรื่องของการตลาด คุณไม่ต้องแปลกใจบางคนขายของราคาแพงแต่คนกล้าตัดสินใจซื้อโดยไม่ต้องคิดอะไร ถ้าคุณพบเจอคนคนนั้นอยู่คุณควรไปทำความรู้จักเขาซะแล้วคุณจะได้แนวคิดอะไรมากมาย
นั่นก็คือ ถ้าเป็นคุณเองจะซื้อสินค้าตัวนี้ไหม