ถ้าคุณเขียนหัวเรื่องที่ห่วย ก็เปรียบเหมือนคุณเปิดร้านค้า แต่ไม่เขียนบอกว่าร้านคุณขายอะไร ลูกค้าจะกล้าเข้ามาที่ร้านได้อย่างไร
คุณเชื่อไหมจากประสบการณ์การขายสินค้าบนเฟสบุคหรือว่าเว็บไซต์ของผม ส่วนที่เรียกลูกค้าเข้ามาที่ร้านของผมมากที่สุดคือ หัวข้อ รองลงมาการออกแบบกราฟฟิค ฉะนั้นถ้าคุณพบเจอร้านที่ออกแบบกราฟฟิคธรรมดา ถ่ายรูปด้วยมือถือแต่ว่าสร้างยอดขายให้กับเขาได้เป็นล้าน เพราะเขาใส่ใจหัวข้อเป็นอันดับแรก
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเพจธรรมดาที่ไม่ได้ออกแบบสวยหรือว่าหวือหวา แต่ทำให้คนสนใจได้มาก ๆ นั่นเพราะหัวข้อของเขา โดนใจกลุ่มเป้าหมายของเขา ตีตรงอารมณ์ความต้องการของเขา และทำให้คนที่อานมีความอยากจะรู้เข้ามาอ่านเนื่้อหาของเขานั้นเอง หลังจากนั้นคุณก็เสริมด้วยเนื้อหาดี ๆ สักตัว เท่านี้ลูกค้าของคุณก็จะไม่ไหนอย่างแน่นอน
วันนี้เราจะมาดูกันว่าเราจะมี่ขั้นตอนการเขียนหัวข้ออย่างไรให้โดนกลุ่มลุกค้าของเรา มาเริ่มกันเลย
1.ส่วนประกอบของหัวข้อ หรือว่าโครงสร้างนั้นเอง
การเขียนหัวจะต้องเข้าใจในการอ่านครั้งเดียวและที่สำคัญจะต้องเข้าใจได้ทันที โดยที่ไม่ต้องแปลความหมายอีกต่อไป ส่วนประกอบของหัวข้อจะต้องประกอบด้วย ใคร + ทำอะไร + ผลเป็นอย่างไร
วิธีเขียนง่าย ๆ คือ นาย A + ทำนา + ขายข้าวได้วันละ 3,000 บาท
ซึ่งแยกออกเป็นดังนี้
นาย A (ใคร) + ทำนา (ทำอะไร) + ขายข้าวได้วันละ 3,000 บาท (ผลที่ได้)
ขอยกอีกตัวอย่างนะครับ
แม่ค้าส้มตำ(ใคร) ถูกหวย(ทำอะไร) เลิกกับสามี (ผลที่ได้)
จริง ๆ ไม่ต้องเรียงลำดับตามนี้ก็ได้นะครับ อาจะขึ้นด้วยผลที่ได้ก่อน และลงท้ายด้วย (ใคร) ก็ได้
เช่น เกิดปัญหาครอบครัวเลิกกับสามีหลังจากแม่ค้าส้มตำถูกหวย
หลักการเขียนจะต้องง่าย ๆ และกระชับได้ใจความ แต่ว่าการเขียนแบบนี้อาจจะดึงดูดไม่เพียงพอ เราจะต้องนำปัญหาหรือว่าความกลัวของผู้ที่อ่านเข้ามาเขียนด้วย
2.ต้องใช้ปัญหาของลูกค้าและความกลัวเข้ามาเสริม
การที่เราจะเขียนหัวข้อโดยใช้ส่วนประกอบแบบข้อที่ 1 อย่างเดียว ก็จะขาดการดึงดูดอย่างมากๆเลย เอาง่าย ๆ คือ มันเจ้าไม่ถึงอารมณ์ของลูกค้าเลยก็ว่าได้ เพราะมันก็หัวข้อทั่ว ๆ ไป วิธีที่จะทำให้ลูกค้าสนใจหัวข้อของคุณมากขึ้นจะต้องเอาปัญหาของลูกค้าเข้ามาเขียนเสริม หรือว่าความกลัวเช้ามาได้ด้วย
ก่อนอื่นคุณจะต้องตั้งกลุ่มเป้าหมายของคุณก่อนว่าคือใคร โดย วิธีหากลุ่มเป้าหมายอ่านได้ตามบทความนี้
สรุปคือกลุ่มเป้าหมายของผม : กลุ่มคนที่มีปัญหาด้านศรีษะล้านหรือว่าเส้นผม
ขั้นตอนต่อไปคือ
หาปัญหาของลูกค้า สิ่งที่ผมเจอคือ
- กินยาไม่หาย
- ผมร่วงทุกวัน
- ใช้แชมพูแบบไหนก็ไม่ดีขึ้น
ความกลัวของลูกค้า
- บุคลิกภาพเสีย
- ทำให้ขาดความมั่นใจ
- ไม่กล้าเข้าสังคม
เรามาเริ่มเขียนหัวข้อกัน
หัวข้อปกติ
นาย A รักษาผมร่วง หายแล้ว
ปัญหาของลูกค้า
ผมร่วงจากกินยาไม่หาย ตอนนี้หายแล้ว
ความกลัวของลูกค้า
มั่นใจมากกว่าเดิม ผมหายร่วง ไม่ต้องกินยา
3.ทำให้เข้าใจง่ายกระชับมากกว่าเดิม
การที่เขียนหัวข้อตามข้อ 1 และ ข้อ 2 ตอนนี้ก็สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากพอสมควรแล้ว แต่คุณจะเห็นว่ามันยังยาวและเข้าใจยากอยู่ สำหรับหัวข้อนี้เราจะมาปรับให้เข้าใจง่ายกว่าเดิมกันด้วยเทนคนิค
- ใช้ตัวเลขเข้ามาสื่อสาร คนเรานั้นจะเข้าใจการสื่อสารแบบตัวเลขมากกว่าอักษรโดยตรง จากประโยค “มั่นใจมากกว่าเดิม ผมหายร่วง ไม่ต้องกินยา” เปลี่ยนเป็น 3 วิธีหายผมร่วง ไม่ต้องกินยาให้คุณมั่นใจกว่าเดิม
- เล่นความสงสัย จากตัวอย่างเดิมเปลี่ยนเป็น จริงหรือ ?? หายผมรวงได้ใน 3 วัน , 3 วิธีหายผมร่วงใน 3 วัน ชายคนนี้ทำได้อย่างไร, ทำเพียง 3 ขั้นตอน แต่ผมหายร่วง
- บอกตรง ๆ การสื่อสารที่ดีจะต้องบอกไปตรง ๆ อย่าเขียนอ้อม ๆ และระบุให้ชัดเชนไปเลย เช่น คุณขายกี่บาท “ลดผมร่วงเพียง 99 บาท ” , หยุดผมร่วงใน 3 วัน การที่เราบอกตรง ๆ จะทำลูกค้าเข้าใจไปในทางเดียวกัน และมองเห็นภาพมากกว่า ตัวอย่างที่ควรเขียนคือ ลดผมร่วงในเวลาจำกัด คุณลองนึกภาพดูว่าคนจะสนใจตัวไหนมากกว่ากัน ระหว่างระบุไปเลยว่า 3 วัน กับจำนวนจำกัด ยกตัวอย่างการเขียนหัวข้อโปรโมชั่น ตัวอย่างที่บอกตรง ๆ “ตอนนี้เหลือ 3 ชิ้นสุดท้าย” กับ โปรจะหมดเร็ว ๆ นี้ อันไหนสื่อสารได้ตรงกว่ากัน
สรุป
การเขียนมีหลายแบบขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกเอาแบบไหน เหมาะสมกับงานแต่ละแบบ และสินค้า บางตัวใช้แค่ส่วนประกอบก็พอ ลูกค้าเข้าใจก็ Ok บางสินค้าต้องใช้ทั้งหมด
สุดท้ายนี้ขอฝากกดแชร์บทความนี้ด้วยนะครับหากเห็นว่ามีประโยชน์ และอย่าลืมกดติดตามทางเพจของผมได้นะครับ