ขายออนไลน์ไม่ใช่เรื่องยาก อ่านจบคุณพบแนวทางแน่นอน
การขายของออนไลน์ทุกวันนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนขอให้มีอินเตอร์เน็ตก็ขายได้ แต่ปัญหาหลัก ๆ ไม่ได้มาจากเรื่องของเทคโนโลยี แต่มาจากว่าเราจะขายอะไรกันดีต่างหาก
คงต้องยอมรับว่าทุกวันนี้การขายของออนไลน์นั้นการแข่งขันกันสูงมากขึ้น และที่สูง ๆ ตาม ๆ มาคือ ค่าลงโฆษณา Facebook นั้นเอง ยิ่งคนมาลงโฆษณาเยอะเท่าไหร่ การแข่งขันในการแสดงผลในหน้า Feed ก็ยิ่งมากขึ้น ทำให้ราคาของการลงโฆษณานั้นสูงขึ้นไปอีกนั่นเอง สำหรับมือใหม่ ๆ เพิ่งเข้ามาในวงการก็เป็นเรื่องยากมากที่จะขายได้ เพราะว่าทุนไม่ได้มีเยอะเท่าไหร่ แต่ถึงจะหน้าเก่าก็ยังต้องศึกษาหาข้อมูลเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองขาดทุนนั่นเอง
สำหรับบทความนี้เหมาะสำหรับมือใหม่มาก ๆนะครับ เพราะว่าจะทำให้คุณหาแนวทางการหาสินค้าของตัวเอง เพื่อลดต้นทุนในการขายและทำให้เกิดกำไรขึ้นมานั้นเอง ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย
สูตรที่ 1 สินค้าต้นทุนตํ่า แต่ว่าขายได้
อย่างแรก ๆ ที่เราจะต้องทำเลยคือจะต้องหาสินค้าที่ต้นทุนตํ่า ซึ่งมาตรฐานคำว่าต้นทุนตํ่าของหลาย ๆ คนก็ไม่เท่ากันอีก เอาเป็นว่าเรารู้สึกว่าไม่แพงจนเกินไปนั่นเองเพราะว่าเราจะต้องไปรวมกับต้นทุนที่เป็นค่าโฆษณาเฟสบุคอีก ตัวนี้จะต้องคำนวณราคาขายให้ได้กำไรด้วยนะครับ สำหรับผมเองนั้นสิน้คาที่ต้นทุนการหาไม่สูงมากนั้น
ผมจะมองไปยังสินค้าที่อยู่ในพื้นเพของผมเอง เช่น เครื่องจักสาน ที่มีคนทำอยู่แล้วในหมู่บ้าน ผมอาจจะออกแบบใหม่ เพื่อให้เป็นสินค้าที่เหมาะกับยุคสมัยไม่ว่าจะเป็น โคมไฟ ตะกร้าเสื้อผ้าที่ออกแบบให้ทันสมัย เหล่านี้จะทำให้เราลดต้นทุนการผลิตได้ เพราะว่าเราสามารถหาวัตถุดิบเองได้ และสามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านอีกด้วย
ซึ่งสินสินค้าต่าง ๆเหล่านี้ก็สามารถตั้งราคาขายสูงได้ ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้งานและการออกแบบนั้นเอง เรียกได้ว่าเพิ่มไอเดียไปอีกนิดก็ขายได้แล้ว
สูตรที่ 2 หาสิ่งที่เราถนัดก่อน
คุณไม่มีทางขายสินค้าที่คุณไม่มีความรู้เกี่ยวกับมันได้
เรื่องนี้ผมเองเจอมากับตัวครับ การขายสินค้าบางทีเราเห็นคนอื่นขายได้ดี และได้เงินมากมายเราก็อยากจะขายด้วย และกระโดเข้าไปในธุรกิจเหล่านั้น ผลที่ออกมาคือผมไปไม่รอด ทั้งที่ขายสินค้าชนิดเดียวกัน ผมเลยต้องมาหาคำตอบกับตัวเองว่าทำไมเราขายไม่ได้ แต่ว่าอีกคนกลับขายได้ หลังจากนั้นทำให้รู้ว่าผมยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับสินค้านั้นอย่างแท้จริง
วิธีดูว่าเรามีความรู้จริง ๆไหม ง่าย ๆ ครับ ตั้งคำถามกับตัวเอง
- เราสามารถอธิบายเบื้องต้นได้หรือไม่ ว่าสินค้ามีคุณสมบัติอย่างไร ใช้อย่างไร และผลออกเป็นอย่างไร ตัวนี้เป็นพื้นฐานของการขายเลยนะครับ เราจะต้องรู้ก่อน
- สามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าเวลาเจอปัญหาได้หรือไม่ การซื้อสินค้าทุกวันนี้สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการ Support ลูกค้า การขายของออนไลน์ทุกอย่างจะต้องมีการให้บริการส่วนนี้ คุณคิดว่าจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ แต่ไม่ต้องตกใจไปนะครับ บางครั้งเรื่องพวกนี้ก็ต้องอาศัยประสบการณ์
- สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้หรือไม่ ข้อนี้สำคัญมาก เพราะเราจะขายอะไร เรารู้ความต้องการของลูกค้าหรือยัง ผมยกตัวอย่างกรณีของผม ขายแชมพู ผมรู้ดีว่าลูกค้าของผมต้องการ แชมพูที่ลดอาการคันได้ ผมจึงหาสูตรที่ลดอาการคันมา และไม่เพียงเท่านั้น ลูกค้ายังต้องการแชมพูที่มีกลิ่นกุกลาบด้วย เพียงเท่านี้ผมก็สามารถขายสินค้าได้แล้ว เพราะว่าผมรู้ว่าลูกค้าต้องการแบบไหน ที่เหลือจากนั้นก็ออกแบบโฆษณาให้ไปตรงกลุ่มเป้าหมายก็พอ สำหรับความรู้ตรงนี้คุณต้องไปศึกษาครับว่าเขาต้องการอะไร
ที่ผมเล่า ๆ มาเป็นการขายสินค้าทั่วไป ยังมีการขายสินค้าที่เป็นสินค้าเฉพาะครับไม่ว่าจะเป็น การขายโปรแกรม การแปลภาษา การขายรูปภาพ ทั้งหมดนี้จะเริ่มจากความถนัดของเราก่อน และเราจะทำออกมาดีครับ
สูตรที่ 3 ขายสินค้าตามกระแส
สิ่งที่ขายได้ง่ายและขายได้เร็วจะเป็นสินค้าตามกระแส เพราะว่าตามธรรมชาติของคนเราอะไรที่คนหมู่มากทำ เราจะชอบทำตาม ตัวอย่างผมเองช่วงที่ตุ๊กตาดฟอบี้ กำลังดัง ๆ นั้น ผมสามารถขายได้ถึงวันละ 200 ตัวเลย และที่สำคัญไม่ต้องลงโฆษณาด้วย เพียงเราไปสร้างเพจไว้ แล้วคนมีความต้องการเยอะก็มาค้นหาเอง ซึ่งจะทำให้เราขายดีนั่นเอง
แต่ว่าข้อเสียของการขายแบบนี้นั้น คือ จะมีอายุการขายไม่ยาวนาน แต่สักเดือนก็เริ่มแผ่วหละ แต่ว่าช่วงที่ขายได้เราจะต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ขาได้เยอะที่สุด ก็ถือว่าคุ้มหละ
สำหรับเทคนิคว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวไหนจะขายดี ถ้าเราเป็นคนที่ติดตามข่าวสารอยู่แล้ว อาจจะพอมองออกว่าสินค้าตัวไหนจะขายได้ แต่ถ้าเพื่อน ๆ นึกไม่ออกก็เครื่องมือสุดเจ๋งของ Google ไง https://trends.google.co.th/trends/?geo=TH
ถ้าเข้าใจทั้ง 3 สูตรแล้ว เราจะได้ Keyword ในใจเราแล้วว่าจะขายอะไร ก็มาดูขั้นตอนต่อไป
ขายของออนไลน์ขายอะไรดี สูตรนี้มีคำตอบ
สูตรที่ 1 หาสินค้าใกลตัวของผม พ่อของผมทำเครื่องจักสานอยู่แล้ว ผมเลยคิดจะทำสินค้าที่แปลกใหม่ ทำให้ผมได้คำตอบคือ โคมไฟที่ทำมาจากเครื่องจักสาน
สูตร 2 ความถนัด สำหรับเรื่องนี้ผมไม่ซีเรียสครับ เพราะว่าเท่าที่ศึกษามาลูกค้าไม่ได้ถามอะไรมากมาย เพราะว่าเอาไปให้ช่างไฟต่อให้อยู่ จะถามแค่ว่าจะอยู่ได้นานไหม ซึ่งก็เป็นคำถามที่ไม่ยาก ส่วนที่ว่าลูกค้าต้องการอะไร ผมก็ทำการบ้านได้รับคำตอบว่า Design ส่วนใหญ่ ฉะนั้นโจทย์ผมคือการออกแบบเท่านั้นเอง
สูตร 3 สินค้าตามกระแส สำหรับสินค้าตัวนี้จะมีกระแสอยู่บ้าง คือ มีกลุ่มคนที่ชอบการนำไม่ไผ่มาทำเครื่องตกแต่ง ผมอ่านข่าวเจอเลยคือว่าจะขายได้ดีแน่นอน และคิดว่าจะขายได้นาน เพราะว่าเป็นสินค้าที่กลุ่มใหญ่พอสมควร กระแสนี้จึงจะอยู่ได้อีกนาน
เอาหละครับ สำหรับเพื่อน ๆ อาจจะมีขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไป สำหรับการหาว่าขายอะไรดีบนโลกออนไลน์ สำหรับผมเองจะเขียนแนวคิดคร่าว ๆ ประมาณนี้ครับจะทำให้ผมได้รับคำตอบแล้วว่าควรจะขายอะไร ขั้นตอนต่อไป เราก็มาศึกษาขนาดของตลาดว่าเราเหมาะสมกับการลงทุนไหม
วิธีสำรวจความต้องการของลูกค้ากับ Google Trend
หลังจากที่เราได้สินค้าแล้ว ขั้นตอนต่อไปเราจะสำรวจความต้องการของลูกค้าว่ามีตลาดขนาดใหญ่พอไหมกับการที่เราจะลงทุน โดยเข้าไปที่ Google Trend
หลังจากนั้นผมก็ใส่ Keyword ของสินค้าของผมลงไป ซึ่งก็คือ โคมไฟ นั่นเอง และกดที่เมนูค้นหา เพื่อดูคำว่า โคมไฟ มีคนค้นหาเยอะไหม
ผมจะเลือกที่ 90 วันที่ผ่านมา เพราะจะทำให้เรารู้ว่าในเวลา 3 เดือนที่ผ่านมานั้นยังมีคนค้นหาสินค้าตัวนี้อยู่หรือไม่ จะทำให้เราวิเคราะห์ข้อมูลได้ถูก
ซึ่งถ้าเรานำเมาท์มาชีที่วัน 14 สิงหาคม จะเห็นว่าคนค้นหาเกี่ยวกับ Keyword นี้ 86 คน จากที่ผมวิเคราะห์ คือ สินค้าตัวนี้ไม่เหมาะกับการขายบน Google Ads เท่าไหร่ เพราะว่าคำค้นหาของสินค้ามันน้อยเกินไป โอกาสที่เราจะขายได้ก็น้อยไปด้วย
แต่โจทย์ของผมที่ได้รับมาคือ Design การออกแบบ ลูกค้าชอบที่การออกแบบมากกว่า ฉะนั้นผมจึงมองหาอีก Platform คือ facebook นั้นเองเพราะว่าตัว facebook เองเป็นการแสดงภาพโดยตรงน่าจะเหมาะกับสินค้าของผมมากกว่า ว่าแล้วเราก็มาวิเคราะห์ตลาดกันเลย